การวัดผลในช่องทางออนไลน์
ในการทำการตลาดออนไลน์โดยไม่มีการวัดผลเลยนั้นก็เป็นไปไม่ได้ เราจึงมีวิธีการวัดผลในช่องทางออนไลน์ว่าควรจะวัดผลอะไร ช่องทางไหนบ้าง เพื่อนำผลลัพธ์ที่ได้จากการทำการตลาดออนไลน์ไปใช้ในการวางแผนในการพัฒนาการทำการตลาดออนไลน์ต่อไป
การวัดผลในช่องทางออนไลน์ถือว่าเป็นการวัดผลที่ค่อนข้างรวดเร็วและนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับเปลี่ยนและดูแนวโน้มในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว สามารถรับรู้ได้ว่าเนื้อหาที่เผยแพร่ออกไปนั้นประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะได้รู้ก่อน ปรับก่อน เพื่อทำให้ก้าวไปในทิศทางที่ดีขึ้น
1. Engagement & Reach
ยอดจำนวนผู้เข้ามาชมและจำนวนผู้มีส่วนร่วม ข้อมูลในส่วนนี้เป็นข้อมูลสำคัญขั้นพื้นฐานที่ควรเก็บในการทำการตลาดออนไลน์เลย เนื่องจากเป็นข้อมูลที่จะทำให้รู้จำนวนผู้เข้าถึงมีจำนวนมากน้อยขนาดไหน มีผู้คนมามีส่วนร่วมกับสิ่งที่เรานำเสนอมากเพียงใด เพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ได้ว่าแบรนด์ของเราตอนนี้อยู่ในทิศทางไหน ควรจะไปต่อหรือปรับปรุงเนื้อหาในการนำเสนอใหม่ โดยการวัดยอด Engagement และ Reach ควรจะกำหนดว่าจะเก็บข้อมูลภานในระยะเวลาเท่าไหร่ เช่น ภายใน 1 สัปดาห์ หรือภายใน 1 เดือน โดยระยะเวลาก็ควรที่จะเลือกให้เหมาะสมกับการเก็บข้อมูลในส่วนนี้ เพื่อที่จะสามารถนำไปเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจน
2. Traffic
เป็นการวัดแหล่งที่มาของผู้ที่เข้ามาเห็นสื่อของคุณ ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้จะสามารถบอกได้ว่าส่วนใหญ่คนที่เข้ามาเห็นเนื้อหาของคุณมาจากช่องทางไหน เห็นเพราะสนใจเข้ามาดูเองผ่านการค้นหา Search Engine ผ่านมาจากเว็บไซต์อื่นๆที่มีเนื้อหาของคุณ หรือมองเห็นจากกการเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาในช่องทางออนไลน์ ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะทำให้คุณเห็นว่ากลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มาเห็นเนื้อหาของคุณมาจากช่องทางไหนเป็นหลัก และสิ่งที่เราจะโฟกัสต่อไปคือกลุ่มไหน ช่องทางไหน เพื่อนำมาปรับใช้ในการทำกลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. Social Media
การวัดผลจาก Social Media โดยในแต่ละ แพลตฟอร์มของ Social Media ก็จะมีการวัดผลที่แตกต่างกันออกไป ถ้าเป็นใน Facebook ก็สามารถวัดผลจาก การมองเห็น การกดไลค์ กดแชร์ การแสดงความคิดเห็น และการส่งต่อ ในช่องทาง Youtube ก็วัดจากยอด View ยอดไลค์ยอด คอมเมนต์ ยอดผู้ติดตาม Subscribe เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นถึงความประสบความสำเร็จในการนำเสนอเนื้อหามากยิ่งขึ้น ว่าเนื้อหาที่คุณเผยแพร่ออกไปมีผลลัพธ์อย่างไรบ้าง ถ้าผลตอบรับไม่ดีก็ทำให้คุณต้องมาทบทวนและปรับปรุงเพื่อพัฒนาหาแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไปได้
4. Conversion Rate
เป็นการวัดผลว่าจากผู้ที่ไม่รู้จักแบรนด์เลยกลายเป็นกลุ่มผู้มุ่งหวัง มีแนวโน้มในการซื้อสินค้าหรือบริการของคุณเป็นจำนวนเท่าไหร่ และส่วนใหญ่มาจากช่องทางไหน จะช่วยทำให้คุณมองเห็นกลุ่มเป้าหมายและช่องทางของกลุ่มที่จะเข้าถึงคุณมากขึ้น
5. ROI (Return of Investment)
แน่นอนว่าในเมื่อมีการลงทุนก็ต้องมีผลตอบแทน ในการทำการตลาดออนไลน์ก็เช่นกัน ต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาคำนวนว่าสิ่งที่ลงทุนไป สอดคล้องกับสิ่งที่ได้รับมาไหม อาจจะไม่ได้หมายถึงกำไร หรือ ขาดทุน ไปซะทีเดียว แต่อาจจะหมายถึงผลลัพธ์จากการทำการตลาดออนไลน์ บางแบรนด์ลงทุนไปกับการสร้างภาพลักษณ์อย่างมาก โดยในช่วงแรกอาจไม่เกิดรายได้ที่เป็นจำนวนเงิน แต่มียอด Engagement สูงมาก ภาพลักษณ์บริษัทดีมาก แต่กลายเป็นว่าคนเหล่านั้นเมื่อได้รู้ถึงภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ วันนึงก็กลับกลายมาเป็นลูกค้าชั้นเยี่ยมของแบรนด์เลยก็ได้ เพราะฉะนั้นในการคำนวณ ROI จะต้องคำนึงถึงปัจจัยในหลายส่วนเพื่อกำหนดทิศทางในการทำการตลาดออนไลน์ต่อไป
BIG CREATIVE ที่ปรึกษาด้าน Marketing อย่างครบวงจรของประเทศไทยตั้งแต่กระบวนการวิเคราะห์-วางแผนทางการตลาดเชื่อมโยงผ่านช่องทางการตลาดทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภคทุกช่องทางทั้งในรูปแบบ Offline Marketing และ Online Marketing .
ติดตามผ่านช่องทาง
Website www.bigcreativethailand.com
Facebook – big creative digital agency
Email - bigcreativethailand@gmail.com
Copyright © 2017 BIG CREATIVE Powered by BIG CREATIVE THAILAND.com